5 ข้อดี เคลียร์หนี้บัตรเครดิตด้วยการ“รวมหนี้”
🚨 ทำตามนี้ หนี้หมดไว! 5 ข้อดี เคลียร์หนี้อย่างเป็นระบบ ถ้าใครกำลังเป็นหนี้ ต้องลอง “รวมหนี้” วิธีนี้ ทั้งหนี้ส่วนสินเชื่อบุคคล บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด 🔒 ปลดล็อกชีวิต จบปัญหาไว ถ้าทำได้จะไม่กลับมาเป็นหนี้อีก! คลินิกแก้หนี้ by SAM
ความสำคัญของการไปศาลหากโดนฟ้อง
ไม่มีใครไม่รู้จักคำว่าหนี้ การมีหนี้อาจไม่ใช่เรื่องแย่ที่สุดของชีวิต หากรู้จักการจัดการที่ดีพอ ทุกปัญหามีทางออกเสมอ แม้กระทั่งการถูกฟ้องก็เช่นเดียวกัน ลูกหนี้อาจตกใจได้เมื่อได้รับหมายศาล แต่ต้องตั้งสติและให้ความสำคัญของการไปขึ้นศาลเมื่อถูกฟ้องคดี การไปศาลเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานเพื่อให้ประชาชนมีพื้นที่ปลอดภัยที่จะต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมให้กับตัวเอง และเป็นการแสดงเจตนาว่า เราขอชี้แจงเหตุผลที่ไม่สามารถชำระหนี้ตามข้อเสนอของเจ้าหนี้ได้ ซึ่งศาลจะช่วยพิจารณาตามเหตุผลความจำเป็น ซึ่งจะง่ายขึ้น หากลูกหนี้มีแนวทางในการแก้ไขหนี้ อยู่บ้าง ก็สามารถทำให้การเจรจาต่อรอง การชำระหนี้ในชั้นศาลมีข้อยุติได้เร็วขึ้น จะทำให้ได้ลดค่าธรรมเนียมลงบ้าง ในทางตรงข้าม หากลูกหนี้ไม่ไปศาล เท่ากับเสียสิทธิในการเจรจาต่อรองกับเจ้าหนี้ ผลคือ ศาลต้องมีคำสั่งพิพากษาฝ่ายเดียว ตามคำฟ้องของเจ้าหนี้ การไปศาลควรไปตามกำหนดนัดในคำฟ้อง และควรไปก่อนเวลานัด 1 ชั่วโมง เพื่อมีเวลาตรวจสอบและเตรียมเอกสารให้เรียบร้อย เช่น บัตรประชาชน หากจำเป็นต้องตั้งตัวแทน ต้องมีมอบอำนาจอย่างถูกต้องตามกฎหมายน ต้องเตรียมข้อมูล คำอธิบายเหตุผลความจำเป็นต่าง ๆ ที่ทำให้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ อาทิ
สร้างรายได้ด้วยทักษะการทำอาหารที่บ้าน
ในปัจจุบันการหางานนั้นไม่ง่ายเลย ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาจบใหม่หรือคนที่ตกงานแล้วกำลังหางานใหม่ แต่ถึงแม้ว่าเราจะไม่มีงานแต่ค่าใช้จ่ายนั้นยังมีอยู่ ซึ่งเมื่อเราอยู่บ้านเฉยๆ ว่างงานก้เกิดความเครียด ฟุ้งซ่าน จะดีกว่าไหมถ้าหากเปลี่ยนการอยู่บ้านเฉยๆให้เกิดรายได้สำหรับคนที่มีทักษะในการทำอาหาร เพราะอาหารเป็น1 ในปัจจัย 4 และเป็นสิ่งที่มีโอกาสขายได้มาก ซึ่งก็สามารถทำได้หลายรูปแบบ ได้แก่ 1.การทำอาหารตามสั่ง ซึ่งการทำอาหารประเภทนี้อาจจะเหมาะกับคนที่มีทักษะและฝีมือทางด้านการทำอาหารที่ดี เนื่องจากวิธีการขั้นตอนในการทำอาจมีความซับซ้อนในบางเมนู และต้องมีรสชาติดีเพื่อทำให้มีลูกค้าประจำ 2.การทำเบเกอรี่ หลายๆคนอาจมองว่าทำได้ยาก แต่บางเมนูก็สามารถเริ่มทำได้ง่าย และไม่ใช้อุปกรณ์ที่ยุ่งยาก แถมยังมีวิธีสอนอย่างละเอียดใน YouTube อีกด้วย ในช่วงเริ่มต้นของการขายอาจเริ่มต้นจากเมนูง่ายๆ ซึ่งหากไปได้ดีเราก็สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมภายหลังได้ เพื่อต่อยอดไปเป็นร้านขายเบเกอรี่ของตัวเองได้ 3.การทำอาหารที่เหมาะกับการทำในคอนโดหรือหอพัก เพราะในบางที่อาจมีข้อจำกัดในเรื่องของการทำอาหาร จึงทำได้เพียงแค่เมนูง่ายๆ แต่เมนูง่ายๆนี้แหละที่จะสามารถสร้างรายได้ให้เราได้เช่นกัน เพราะคนในวัยทำงานมักมีช่วงเวลาที่เร่งรีบในตอนเช้าและไม่มีเวลาในการเตรียมอาหารจึงหาของกินง่ายๆก่อนไปทำงานซึ่งสามารถทำได้หลากหลายเมนู ยกตัวเช่น เมนูไข่ทั้งหลาย แซนวิช แกงจืด ข้าวผัด เป็นต้น ดังนั้น จะเห็นได้ว่าถึงแม้ว่าเราจะตกงานหรือกำลังหางาน หากเราไม่หยุดที่จะคิดสร้างรายได้ อย่างไรก็มีหนทางเสมอ
หนี้แบบไหนที่เหมาะกับการรวมหนี้
การรวมหนี้เป็นวิธีการแก้ไขหนี้วิธีหนึ่ง เพื่อช่วยให้ภาระในการผ่อนชำระหนี้สินที่มีอยู่ให้เบาลง ซึ่งการรวมหนี้นั้นเมื่อทำแล้วดอกเบี้ยในการผ่อนชำระหนี้ควรจะลดลง จำนวนที่ต้องผ่อนรายเดือนลดลง และทราบระยะเวลาในการชำระหนี้ที่แน่นอน ซึ่งในบทความนี้จะแนะนำว่าใครบ้าง ที่เหมาะกับการรวมหนี้ เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้ 1. คนที่เริ่มมีปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงินจากการชำระหนี้ เงินไม่เพียงพอในการใช้จ่ายและชำระหนี้แต่ละเดือน ซึ่งเกิดจากพฤติกรรมการใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือย และไม่มีการวางแผนทางการเงินที่ดี 2. คนที่มีภาระผ่อนชำระหนี้มากเกินไป มากกว่า 1 ใน 3 ของ รายได้ อย่างเช่น เงินเดือน 15,000 ควรชำระหนี้ไม่เกิน 5,000 เพราะหากในแต่ละเดือนชำระหนี้มากกว่านี้จะทำให้ขาดสภาพคล่องทางการเงินได้ 3. เริ่มมีการกู้เงินเพื่อนำมาชำระหนี้ที่มีอยู่ นั่นคือการสร้างวงจรหนี้ไม่รู้จบเพราะหากเรากู้หนี้ใหม่มาเพื่อชำระหนี้เก่า วันนึงก็จะกลายเป็นงูกินหางและท้ายที่สุดก้จะไม่สามารถชำระหนี้ได้ แต่หลายๆคนอาจจะสงสัยว่าแต่การรวมหนี้ก็เป็นการกู้หนี้ใหม่มาเพื่อชำระหนี้เก่าเช่นเดียวกัน แต่ความแตกต่างกันคือการรวมหนี้นั้น ดอกเบี้ยของเงินที่กู้มาใหม่ควรลดลงกว่าหนี้เก่า และภาระการผ่อนในแต่ละเดือนลดลงไม่เกิน 1 ใน 3 ของรายได้ และระหว่างที่กำลังแก้ไขหนี้
ไกล่เกลี่ยหนี้ชั้นบังคับคดี
ลูกหนี้หลายท่านเมื่อโดนฟ้องร้อง เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายล่วงเลยมาจนถึงขั้นบังคับคดี อาจคิดว่าการแก้ไขหนี้มาถึงจุดจบแล้ว แต่จริงๆแล้วไม่ว่าท่านจะเป็นหนี้ที่ยังไม่โดนฟ้อง อยู่ระหว่างฟ้องหรือแม้ชั้นบังคับคดี ท่านก็สามารถที่จะแก้ไขปัญหาหนี้ได้ด้วยการไกล่เกลี่ยชั้นบังคับคดี การไกล่เกลี่ยชั้นบังคับคดีเป็นการระงับข้อพิพาทเพื่อยุติการบังคับคดีโดยมี “ผู้ไกล่เกลี่ย” ทำหน้าที่เป็นคนกลางช่วยเหลือในการเสนอแนะแนวทางเพื่อให้คู่กรณีสามารถหาทางออกร่วมกันได้ แต่ผู้ไกล่เกลี่ยจะไม่มีอำนาจในการกำหนดข้อตกลง ทำได้เพียงแนะนำหรือชี้แนะหนทางที่จะเป็นไปได้ในการแก้ไขปัญหา ซึ่งการไกล่เกลี่ยชั้นบังคับคดีสามารถทำได้ 2 ช่วง คือการไกล่เกลี่ยก่อนบังคับคดี และการไกล่เกลี่ยภายหลังที่มีการบังคับคดีแล้ว 1.การไกล่เกลี่ยก่อนบังคับคดี จะเข้าสู่กระบวนการภายหลังจากที่ศาลมีคำพิพากษาออกมา ซึ่งคู่กรณีสามารถยื่นคำร้องแสดงความประสงค์ต่อศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทกรมบังคับคดี หรือสำนักงานบังคับคดีทั่วประเทศ หากไกล่เกลี่ยสำเร็จจะทำให้การบังคับคดียุติไป 2.การไกล่เกลี่ยหลังบังคับคดี คู่กรณีสามารถยื่นคำร้องแสดงความประสงค์ต่อศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทกรมบังคับคดี หรือสำนักงานบังคับคดีทั่วประเทศ และหากไกล่เกลี่ยสำเร็จก็จะนำไปสู่การถอนยึดทรัพย์ ถอนอายัดทรัพย์หรือถอนบังคับคดี การไกล่เกลี่ยในชั้นบังคับคดีก็เป็นอีกหนึ่งหนทางที่สามารถช่วยเหลือในการไกล่เกลี่ยกับเจ้าหนี้ได้ ขอแค่ท่านมีความประสงค์และตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาหนี้ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหนก็ยังสามารถแก้ไขได้ ที่มา : กรมบังคับคดี คลินิกแก้หนี้
พลังด้านบวกของคนเป็นหนี้
1. เราแค่เป็นหนี้ไม่ได้ทำร้ายใคร พลังด้านบวกที่รุนแรงมาก ๆ การเป็นหนี้เป็นแค่ปัญหาชั่วคราว แต่ถ้าเราถอดใจไม่คิดจะแก้ไขและหนีปัญหา จะเป็นปัญหาที่ถาวรและเราจะไม่มีทางแก้หนี้ได้ สิ่งแรกที่คนเป็นหนี้ต้องทำคือ ยอมรับว่าเราเป็นหนี้ แล้วพยายามวางแผนหาทางมาแก้หนี้ บางครั้งการแก้หนี้อาจจะใช้เวลาเป็น 10 ปี หลังจากที่แก้หนี้ได้ คนที่แก้หนี้และรอดมาได้ จะมีโอกาสที่จะมีอิสรภาพทางการเงินมากที่สุด 2. มองทะลุมิติไปในอนาคต ช่วงเวลาที่เป็นหนี้ สำหรับบางคนอาจจะต้องเอารายได้มากกว่าปกติ ที่หาได้ไปจัดการเรื่องหนี้ ซึ่งจะทรมานมากขนาดไหน อยากจะให้เรามาลองมองไปข้างหน้า ในวันที่หนี้เราหมดแล้ว ไม่ต้องคอยจ่ายหนี้อื่นอีกต่อไป และในอนาคตที่เราจะจ่ายออกไปทุกเดือนจะกลายมาเป็นเงินเก็บได้อย่างสบาย ๆ เราจะสามารถสร้างความมั่งคั่งได้อย่างรวดเร็วด้วยปริมาณเงินออมที่มากขึ้น เมื่อรู้สึกเหนื่อยรู้สึกท้อเมื่อไหร่ลองมองไปข้างหน้า ที่มีอนาคตที่สดใสรออยู่ 3. ตั้งเป้าปลดหนี้ แล้วให้รางวัลตัวเอง เป้าหมายก็เป็นเรื่องที่สำคัญ การพักระหว่างทางเพื่อหาความสุขเพื่อเติมพลังก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน ร่างกายเราไม่ใช่เครื่องจักร แต่เราต้องการการพักผ่อน หย่อนใจ เพื่อเติมพลังและก้าวต่อไป แนะนำให้ไปเที่ยว หรือ ให้รางวัลในแบบที่เราชอบ หลังจากที่ปลดหนี้ได้ส่วนนึง หรือทั้งหมด 4.
เทคนิค(หากต้อง)ใช้บัตรเครดิต
หลายคนทำงานเหนื่อยหนัก แต่กลับใช้เงินอย่างไม่รู้คุณค่า ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย และขาดความระมัดระวังในการใช้จ่าย ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณมีภาระหนี้สินอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว และเป็นหนี้เพิ่มพูนมากขึ้น แต่สำหรับผู้ที่ไม่อยากถลำลึกสู่การเป็นหนี้ เรามีทางออก 1.ใช้แต่เงินสดเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์อย่างน้อย โดยคนส่วนใหญ่หากต้องซื้อของทุกอย่างด้วยเงินสด ก็จะคิดรอบคอบมากขึ้นก่อนที่จะหยิบเงินออกจากกระเป๋า ซึ่งจะทำให้ใช้จ่ายน้อยลง และจำนวนเงินไม่มากนัก 2.กดเงินสัปดาห์ละครั้ง กำหนดไปเลยว่าในแต่ละสัปดาห์ คุณจะใช้เงินสดเท่าไร แล้วจึงกดเงินเพียงครั้งเดียว เมื่อเงินหมด การใช้จ่ายของคุณก็จะจบตามไปด้วย และต้องใจแข็งไม่กดเพิ่มหรือยืมเงินคนอื่นมาใช้จ่าย เด็ดขาด 3.ใช้บัตรเครดิตเพียงใบเดียว ให้ใช้บัตรที่ดอกเบี้ยต่ำที่สุด และไม่มีค่าธรรมเนียมรายปี หรือใช้บัตรที่ได้คะแนนสะสมมากที่สุด ทำให้เราไม่ลืมที่ชำระบัตรเครดิต ไม่ต้องจ่ายขั้นต่ำ หรือจ่ายดอกเบี้ย และค่าปรับ และได้รับประโยชน์สูงสุด 4.จ่ายยอดค้างชำระบัตรเครดิตให้หมดทุกเดือน แม้ในใบแจ้งยอดบัญชีจะอนุญาตให้ชำระแค่ขั้นต่ำได้ แต่นั่นเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงมากที่สุด เพราะการชำระขั้นต่ำจะทำให้คุณมีหนี้สะสมโดยไม่รู้ตัว 5.ต่อรองกับบริษัทบัตรเครดิต ปัจจุบันมีหลายบริษัทที่เต็มใจให้อัตราดอกเบี้ยที่ดีกับลูกค้า หรือยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีให้ และต้องคอยเช็คบิลบัตรเครดิตก่อนชำระทุกครั้ง 6.ถ้าเริ่มเป็นหนี้บัตรเครดิตแล้ว จงถอนตัวให้เร็วที่สุด หากเริ่มเป็นหนี้บัตรเครดิต คุณควรหาทางชำระหนี้ให้เร็วที่สุด โดยการต่อรองกับสถาบันการเงิน เรื่องการผ่อนชำระเป็นงวด ๆ
ความต่างระหว่าง ฉลาด กับ คิดเป็น
ความฉลาด แม้จะมีมากแค่ไหนก็พลาดได้ และหากผิดพลาดหรือเกิดอะไรขึ้นแล้วไม่มีสติ ไม่เรียนรู้ ไม่ดู ไม่ประเมินตัวเอง ก็ถือว่าไม่ใช่ คิดเป็น จึงสรุป ความแตกต่างระหว่างความ ฉลาด กับ คิดเป็น คร่าวๆได้ดังนี้ 1. ความฉลาด อาจสะท้อนถึง ไหวพริบ เชาว์ปัญญา ความฉับไวทางความคิด ดูจะเป็นแนวใครดีใครได้ ใครไวใครเด่น ใครเห็นคนนั้นได้โอกาส ส่วนการคิดเป็น ย่อมมาจากประสบการณ์ และสิ่งสำคัญ คือ สติ กับการเรียนรู้ ความรอบรู้ 2. ความฉลาด สร้างความได้เปรียบได้ง่ายในหลายโอกาส แต่การคิดเป็น สร้างความยั่งยืน ก้าวหน้า และความสมบูรณ์ 3. ความฉลาดแต่คิดไม่เป็น
การบริหารสินสมรส
1.จัดการภาษีคู่ชีวิตอย่างคุ้มค่า เมื่อสามีภรรยามีรายได้และทรัพย์สินมา จากการได้รับเงินเดือนจากการทำงาน โบนัส ค่าเช่า และรายได้อื่นๆ ถือเป็นสินสมรสของทั้งสองฝ่าย ดังนั้นควรพิจารณาเรื่องการจัดการภาษีเงินได้อย่างรอบคอบ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในเรื่องการลดหย่อนภาษี สร้างรายได้และประโยชน์คืนแก่ครอบครัว 2.จัดการหนี้สินเพื่ออนาคตที่มั่นคง การก่อหนี้สินเพื่อสร้างความมั่นคงให้ครอบครัว ควรเป็นการวางแผนและตัดสินใจร่วมกันของสามีภรรยา เช่น การผ่อนบ้าน การผ่อนรถยนต์ หรือการทำธุรกิจ ทั้งคู่ก็ย่อมจะยินยอมพร้อมใจช่วยกันชำระหนี้เพื่ออนาคตของครอบครัว ไม่ควรมีกรณีที่คู่สมรสไม่ได้ยินยอมเรื่องการก่อหนี้ของอีกฝ่าย เพราะไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ของครอบครัว เช่น สามีต้องการกู้เพื่อประโยชน์ส่วนตัว สามีก็จะต้องรับผิดชอบหนี้สินนั้นด้วยสินส่วนตัวก่อน ถ้ามูลค่าทรัพย์สินที่ต้องนำไปชำระไม่เพียงพอ จะต้องนำสินสมรสในส่วนของฝ่ายสามี (ครึ่งหนึ่งของสินสมรส) มาชำระหนี้ด้วย ซึ่งทำให้ทรัพย์สินของครอบครัวสูญเสียไปด้วย 3.วางแผนมรดกให้ลูกหลาน เมื่อคู่สามีภรรยาควรวางแผนทางการเงินและนำสินสมรสไปใช้ให้เกิดประโยชน์ร่วมกัน ทั้งเรื่องการสร้างหลักประกันความมั่นคงทางการเงินในยามเกษียณ และรวมถึงการสร้างหลักประกันให้กับอนาคตของลูกหลานด้วย สามีภรรยาควรร่วมกันวางแผนจัดทำพินัยกรรมเพื่อเป็นมรดกอย่างชัดเจน ทั้งในส่วนของสินส่วนตัวซึ่งสามารถยกให้ใครก็ได้ตามความพอใจ และสินสมรสซึ่งมีสิทธิเป็นเจ้าของร่วมกันคนละครึ่ง การอยู่ร่วมกันระหว่างสามีภรรยาที่จดทะเบียนสมรสนั้น จะมีข้อผูกพันระหว่างกันทั้งในเรื่องของกฎหมายและความสัมพันธ์ในครอบครัว คู่สามีภรรยาควรจะพูดคุยและรับรู้ว่าอีกฝ่ายมีทรัพย์สินอะไรที่เพิ่มขึ้น เพื่อให้ทั้งคู่ได้ร่วมกันวางแผนบริหารสินสมรสจนเกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งสิทธิประโยชน์ทางภาษีและความสุข ความมั่นคง ภายในครอบครัว https://www.set.or.th/th/education-research/education/happymoney/knowledge/article/61-how-to-manage-marital-property
4 ข้อคิดก่อนเริ่มทำธุรกิจส่วนตัว
ธุรกิจส่วนตัว เป็นอาชีพในฝันของใครหลายคน คนที่ประสบความสำเร็จส่วนมากจะต้องผ่านการคิด กลั่นกรอง วางแผนธุรกิจของตัวเองอย่างรัดกุม คิดแผนธุรกิจด้วยความรอบคอบและระมัดระวัง เพราะต่อให้ประสบความสำเร็จมากเเค่ไหน มันก็อาจไม่ได้ยืนยาวอย่างที่คาดหวังเอาไว้ จึงต้องมองการณ์ไกลควบคู่ไปด้วย 1.เป็นธุรกิจที่เหมาะสมกับตัวเอง ก่อนคิดทำธุรกิจส่วนตัว ต้องดูความเหมาะสม ก่อนเสมอ ทั้งด้านทักษะที่เรามี ความชอบที่อยู่ในตัว รวมถึงคู่แข่งในตลาด ไม่อย่างนั้นเส้นทางที่เราคิดไว้ มันอาจยากลำบากกว่าเดิม ทักษะที่มี จะช่วยในการลดระยะเวลาการทำธุรกิจ ทำให้เราสามารถทำสิ่งต่างๆ ได้รวดเร็วมากขึ้น เช่น ถ้าเรามีทักษะทางบัญชี เราก็สามารถจัดการการเงินได้ลงตัว คู่แข่ง ทุกธุรกิจย่อมมีคู่แข่ง แต่มันคงจะดีกว่าถ้าเราไม่กระโดดลงทำธุรกิจที่มีคู่แข่ง เพราะกว่าเราจะได้กำไรจากธุรกิจนั้นๆ คงต้องลงทุนไปอย่างมหาศาลเลยทีเดียว 2.เงินทุนเพียงพอ เงินยังคงเป็นสิ่งที่คนเริ่มต้นทำธุรกิจส่วนตัวจำเป็นต้องใช้มากที่สุด ก่อนทำธุรกิจ สิ่งที่ควรทำคือการวางแผนการเงินในการทำธุรกิจเสียก่อน โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายในระยะเริ่มต้น ค่าใช้จ่ายในแต่ละวันในอนาคตสำหรับลงทุน และการขอสินเชื่อเพื่อลงทุนในธุรกิจ คนที่คิดประกอบกิจการควรเลือกผู้ให้สินเชื่อหรือผู้ปล่อยกู้ที่เชื่อถือได้ มีกฎหมายรองรับ 3.มีแผนธุรกิจที่ชัดเจน เป็นเครื่องนำทางชั้นยอดในการลงทุนทำธุรกิจส่วนตัว